ผู้การฯบุรีรัมย์แถลง  คนขับรถแห่ พปชร ถูกชายฉกรรจ์ใช้ปืนจี้หัว พลิกกลับคำไปมา

ตรวจแล้วไม่พบวงจรปิดชายฉกรรจ์ใช้ปืนจี้หัวคนขับรถหาเสียงพรรคพลังประชารัฐ หลังจากคนขับรถให้การพลิกไปมาจากร้องสื่อ มาเป็นสารภาพไม่เป็นจริง แล้วมาร้องสื่ออ้างถูกตำรวจบังคับ ผู้การตำรวจยืนยันทำงานตามหน้าที่ เบื้องต้นคนขับรถโดนข้อหาแจ้งความเท็จ และอาจจะโดนดูหมิ่นเจ้าพนักงาน

วันที่ 6 พ.ค.66 กรณีศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เขต 1 จังหวัดบุรีรัมย์ ต.ชุมเห็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ นายเจษฎากร เขียนนิลศิริ หรือ “รองปุย” อดีตรองนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดบุรีรัมย์ เขตเลือกตั้งที่ 1 เบอร์ 2 พปชร. แถลงข่าวว่า นายมานิตย์ หรือนิตย์ (นามสมมุติ) อายุ 46 ปี ชาวบ้าน ต.ปราสาท อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์  คนขับรถแห่หาเสียงของพรรคฯ ถูกชายฉกรรจ์ 2 คน เอาปืนชนิดลูกโม่ จ่อหัวระหว่างขับรถหาเสียง ว่าห้ามไม่ให้หาเสียงในเขตนี้ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา บริเวณป่าอ้อย ระหว่างหมู่บ้านละเบิก กับหมู่บ้านกระชาย ต.ปราสาท อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์

ซึ่งหลังจากการสืบสวนของตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ปรากฏว่าไม่พบบุคคลต้องสงสัย และภาพในกล้องวงจรปิดของชาวบ้าน ตามคำกล่าวอ้างของนายมานิตย์ จนนำมาสู่การเรียกนายมานิตย์ มาสอบถาม สุดท้ายนายมานิตย์ สารภาพกับตำรวจ เรื่องทั้งหมดได้กุเรื่องขึ้นมา เพราะอยากจะหยุดไปดูแลแม่ที่ป่วยติดเตียง

แต่ต่อมานายมานิตย์ กลับไปให้ข่าวกับนักข่าวบางสำนักว่า สาเหตุที่ไปสารภาพว่าเป็นการกุเรื่อง เพราะถูกตำรวจบังคับให้สารภาพว่าไม่ใช่เป็นเรื่องจริง ทำให้เรื่องกลับตาลปัตรย้อนมาถึงตำรวจอีกครั้ง

ล่าสุด ล่าสุด พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธจังหวัดบุรีรัมย์, พ.ต.อ ชูสิทธิ์ หล่อแสง รองผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ,พ.ต.อ สาธิต สถิตถาวร ผกก.สืบสวนภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ , พ.ต.อ จำรัส ศิริเลี้ยง ผกก.สภ.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน ได้เปิดแถลงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ ภูธรจังหวัดบุรีรัมย์

พ.ต.อ.จำรัส ศิริเลี้ยง ผกก.สภ.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน ที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ในวันที่ 3 พ.ค.เวลา 12.30 น.นายมานิตย์ ได้มาลงบันทึกประจำวันไว้ว่าถูกชายฉกรรจ์จำนวน 2 คนขี้รถจักรยานยนต์เอาปืนมาจี้พร้อมข่มขู่ดังกล่าว

ต่อมาชุดสืบสวน สภ.บ้านด่าน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด สอบถามชาวบ้าน ร้านค้าที่อยู่ใกล้ ปรากฏว่าไม่พบบุคคลต้องสงสัย ไม่พบรถจักรยานยนต์ที่กล่าวอ้าง มีเพียงรถหาเสียงของพรรคการเมือง 2 พรรคเท่านั้น ชุดสืบสวนจึงตามไปหานายมานิตย์ ให้มาชี้จุดที่ประสบเหตุ แต่นายมานิตย์ กลับให้การวกวน สุดท้ายนายมานิตย์ จำนนต่อหลักฐาน สารภาพขึ้นเองจึงบันทึกทุกคลิปไว้เป็นหลักฐานพร้อมกับผู้สื่อข่าว

ด้าน พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวด้วยว่า ถึงเวลานี้ยังไม่ทราบแรงจูงใจของนายมานิตย์ ว่ามีจุดประสงค์อย่างไรที่ให้การกับตำรวจกลับไปกลับมา เพราะก่อนการรับสารภาพได้เอาพยานหลักฐานต่างๆให้กับนายมานิตย์ดู จนนายมานิตย์ยอมเซ็นต์คำรับสารภาพด้วยตัวเอง

การกลับคำให้การดังกล่าวทำให้ตำรวจได้รับความเสียหายโดยเฉพาะการให้ข่าวภายหลังการรับสารภาพว่าถูกตำรวจบังคับ ให้รับสารภาพว่ากุเรื่อง ทั้งนี้จากการตรวจสอบพยานโดยรอบแล้วไม่พบหลักฐานใดๆทั้งภาพในกล้องวงจรปิดของชาวบ้าน มีเพียงคำกล่าวอ้างขึ้นมาเองทั้งสิ้น

ทั้งนี้ตำรวจ สภ.บ้านด่าน จำเป็นต้องแจ้งข้อกล่าวหา แจ้งความเท็จ เอาไว้ก่อน ส่วนข้อหาที่นายมานิตย์ กล่าวหาว่าตำรวจบังคับให้รับสารภาพตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น ขึ้นอยู่กับผู้กำกับ สภ.บ้านด่าน ว่าจะเดินการอย่างไร เพราะเข้าข่ายดูหมิ่นเจ้าพนักงาน

พล.ต.ต.รุทธพล กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาการเมืองในจังหวัดบุรีรัมย์ ถือว่าสงบเรียบร้อยดี ไม่มีเรื่องรุนแรงเกิดขึ้น ส่วนการทำงานของตำรวจ ได้ปฏิบัติหน้าที่กับทุกพรรคที่ลงพื้นที่หาเสียงที่จังหวัดบุรีรัมย์อย่างเท่าเทียม ทั้งการอำนวยความสะดวก และการรักษาความสงบเรียบร้อย

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบจุดที่นายมานิตย์ อ้างว่าถูกเอาปืนจี้ พบว่าจุดดังกล่าวห่างจากหมู่บ้านประมาณ 3 กม.มีร้านค้าหลายร้านค้า และมีกล้องวงจรปิดหลายกล้องที่ชาวบ้านติดไว้

นางพวงเพชร (นามสมมุติ)อายุ52ปี ชาวบ้าน ต.ปราสาท อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ เจ้าของร้านค้าใกล้กับจุดที่เกิดเหตุกล่าวว่า ในวันนั้นจำได้ว่ามีรถหาเสียงของพรรคการเมือง 2 พรรคเข้ามาหาเสียง คันแรกเป็นรถหาเสียงของเบอร์ 48 ที่จำได้เพราะตนไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีผู้สมัครถึงเบอร์ 48 แต่ขับรถเร็ว ต่อมาได้มีรถหาเสียงของเบอร์ 2 ขับเข้ามาจอดบริเวณ 4 แยกในหมู่บ้าน เท่าที่ทราบคนขับรถหาเสียงเบอร์ 2 มีอาการปกติเหมือนคนไม่ประสบเหตุมา ไม่ร้องขอความช่วยเหลือกับใคร

ใส่ความเห็น