หนุ่มบุรีรัมย์ ญาติยังคาใจตายใต้สะพานรถไฟจ.สระบุรี กลับจากทำงานเกาหลีใต้

สาววัย 45 ปี ชาวหนองคาย ภรรยาหนุ่มบุรีรัมย์ ที่เสียชีวิตอยู่ใต้สะพานรถไฟที่ จ.สระบุรี ระหว่างกำลังจะเดินทางกลับบ้านที่บุรีรัมย์ อยากจะมีส่วนร่วมกับมรดกของสามี อยากเดินทางมาร่วมงานศพแต่ถูกห้าม ขณะแม่ผู้เสียชีวิตยืนยันโทรไปแล้วเจ้าตัวยืนยัน”เลิกกันแล้ว”ถ้าจะมางานศพให้มา แต่ไม่ส่งเงินให้

วันที่ 2 ม.ค.66 กรณีตำรวจ สภ.เมือง สระบุรี พบศพนายสายัน (นามสมมุติ)หรือแยบ อายุ 48 ปี  ชาว ต.ห้วยราช อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ จมน้ำเสียชีวิต ที่บริเวณสะพานคลองเพรียว ใต้สะพานข้ามทางรถไฟ ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา

ใต้ เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.แล้วไปหาเพื่อนที่กรุงเทพฯ วันที่ 31 ธ.ค.นั่งรถไฟจากกรุงเทพฯจะกลับที่จังหวัดบุรีรัมย์ กระทั่งมาพบศพอยู่ใต้สะพานข้ามทางรถไฟ

ตรวจสอบพบรอยถลอกตามร่างกาย ที่บริเวณไหล่ด้านขวามีบาดแผลเป็นรูลึกลงไปคล้ายถูกเหล็กแหลมแทง ในกระเป๋าพบเงินสดจำนวน 92,000 บาท สลากกินแบ่งรัฐบาล งวดเดือนตุลาคมอีกจำนวนหลายฉบับ นอกจากนี้ยังพบเงินสกุลเกาหลี อีกจำนวนหนึ่ง เหรียญประมาณ 200 บาท พาสปอร์ต และบัตรประจำตัวประชาชน  ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้นซึ่งต่อมาทางญาติที่บุรีรัมย์ อยากให้ตำรวจสอบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวการเสียชีวิต เกรงว่าจะถูกฆ่าตกรรม

แต่ยังมีเรื่องอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องอีก โดยเฉพาะการตั้งข้อสังเกตจากญาติว่าลูกชายได้โทรศัพท์ร้องไห้มาบอกกับครอบครัวว่า “แฟนผมมีคนใหม่”ซึ่งอาจจะเป็นมูลเหตุอีกทางหนึ่งที่ทำให้ลูกชายเสียชีวิต เพราะอาจจะเกิดการเหม่อลอย แล้วตกรถไฟตามข้อสันนิษฐานเบื้องต้นของตำรวจ

ล่าสุดผู้สื่อข่าวสอบถาม น.ส.จำปี (นามสมมุติ)อายุ 45 ปี ชาว จ.หนองคาย ได้รับคำตอบว่า ตนกับสามียังไม่ได้เลิกกัน ยังโทรติดต่อกันตามปกติ สามีส่งเงินมาให้ทุกเดือนๆละ 10,000 บาทไม่ขาดไม่เกิน ครั้งสุดทั้งสามียังส่งข้อความมาว่า”กูรักมึงนะ”อีกด้วย

ตอนนี้ตนยังคิดอะไรไม่ออก อยากจะไปร่วมงานศพสามีที่บุรีรัมย์ แต่ไม่มีเงินเดินทางไป เพราะเกรงว่าญาติทางสามีจะเข้าใจผิด ส่วนตัวอยากจะมีส่วนแบ่งกับทรัพย์สินของสามี ถึงแม้จะไม่ได้จดทะเบียนสมรสก็ตาม แต่ได้อยู่กินกันมาเกือบ 20ปีแล้ว

ด้านนางทวน (นามสมมุติ)อายุ71ปี แม่นายแยบ ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ไม่ถึง 15 วัน หลังลูกชายโทรมาแจ้งว่าภรรยาไปมีแฟนใหม่ ตนได้โทรศัพท์ไปหาลูกสะใภ้ที่ จ.หนองคาย ได้รับคำตอบว่า”หนูเลิกกันแล้ว”ตนไม่ว่าอะไร จนกระทั่งลูกชายมาเสียชีวิต ตนก็โทรไปแจ้งอีก แต่ได้รับคำตอบว่า”ไม่มีเงินค่ารถ”ทั้งที่ลูกชายส่งให้เดือนละ 10,000 บาท ส่วนทางคดีก็อยากจะให้ตำรวจรีบสืบสวนหาข้อเท็จจริงเกี่ยวการตายของลูกชายให้โดยเร็ว เพราะยังคาใจอยู่

ใส่ความเห็น