นายกฯเมืองบุรีรัมย์ตรวจเยี่ยม กำลังใจ และมอบ alcohol gel ให้กับบุคลากร ทางการแพทย์ ตรวจหาเชื้อ เชิงรุก!

วันนี้ 27 พฤษภาคม 2564ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดบุรีรัมย์ นายสกล ไกรรณภูมิ นายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ นายศักดิ์ไพศาล สุทธิ รองนายกเทศมนตรี นายคมกริช สายชมภู ปลัดเทศบาล นายสมเกียรติ พลรัมย์ ที่ปรึกษานายกเทศมนตรี นายเจษฎากร เขียนนิลศิริ เลขานุการนายกเทศมนตรี ร่วมตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจ และมอบ alcohol gel ให้กับบุคลากร ทางการแพทย์และประชาชน ที่มาตรวจคัดกรอง และตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เชิงรุก  หลังจาก สสจ.บุรีรัมย์ได้ออกบทความเป็นห่วง “หวั่นคุมไม่อยู่” โดยมีเนื้อหา

“บุรีรัมย์เกิดการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่หวั่นคุมไม่อยู่”จังหวัดบุรีรัมย์ พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพศชายอายุ 60 ปี อาชีพ เจ้าของร้านกาแฟย่านชุมชนใจกลางเมืองบุรีรัมย์ และพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมที่มีความเชื่อมโยงกับผู้ป่วยรายนี้ จำนวน 18 ราย เนื่องจากผู้ป่วยรายดังกล่าว มีประวัติการเดินทางไปในหลายพื้นที่ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในการสัมผัสประชาชนอื่นจำนวนมาก ขณะนี้ยังไม่สามารถค้นหาต้นตอการติดเชื้อได้ หวั่นเกิดการระบาด คลัสเตอร์ใหม่ออกนอกชุมชนเมือง สำนักงานสารารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกในเขตชุมชนเมือ ที่มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยรายดังกล่าว และพบว่าผู้ป่วย 27 ราย พักอาศัยอยู่ในชุมชนใกล้เคียงกัน และกระจายออกยังพื้นที่อื่นๆ ในเขตเมือง เช่นชุมชนหนองแปบ ชุมชนโคกกลางสถานการณ์ล่าสุด จังหวัดบุรีรัมย์ พบผู้ป่วย COVID-19 สะสมตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564จนถึงปัจจุบัน จำนวน 186 ราย มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในหลายพื้นที่ ทั้งในเขตเมืองและชุมชนอีกทั้งยังพบการรายงานผู้เสียชีวิต จำนวน 3 ราย ซึ่งผู้ป่วยรายล่าสุดที่เสียชีวิตเป็นเพศชายอาย 71 ปี อยู่ในพื้นที่ตำบลประโคนชัย อำเภอประโคนชัย และยังพบว่าผู้ป่วยระยะหลังส่วนใหญ่ไม่สามารถหาแหล่งโรคได้ ซึ่งที่ผ่านมาจังหวัดบุรีรัมย์ได้กำหนดมาตรการด้านสังคมและด้านกฎหมายผ่านกลไกคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์โดยการคัดกรองค้นหากลุ่มเสี่ยงเชิงรุกในพื้นที่การปิดหมู่บ้าน จำนวน 4 หมู่บ้าน ในพื้นที่ที่มีการระบาด ได้แก่ บ้านโคกสะอาด หมู่ที่ 8 ตำบลปังภู อำเภอประโคนชัย, บ้านสาวเอ้ หมู่ที่ 2 และบ้านหนองไผ่ หมู่ที่ 12 ตำบลหินเหล็กไฟอำเภอคูเมือง, บ้านเสม็ด หมู่ที่ 7 ตำบลหนองเต็ง อำเภอกระสัง รวมทั้งดำเนินกิจกรรมเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมโรคอย่างใกล้ชิดผ่านเครือข่าย อสม.เคาะประตูบ้าน ดังนั้น การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ถ้วยวัคซีนป้องกันโรค COVID – 2019 ในประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่มีอายุตั้งแต่ 18 ป ขึ้นไป ให้ครอบคลุมร้อยละ 70 ของประชาชนกลุ่มเสี่ยงทั้งหมดจำนวน 1,141,983 คน จะเป็นแนวทางในการลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย ความรุนแรง และการเสียชีวิตได้

ใส่ความเห็น