ช้างศึกสู้สุดใจพ่ายสโลวาเกียหวิว 2-3 คิงส์คัพนัดชิงชนะเลิศ

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ 2018 ครั้งที่ 46 นัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติสโลวาเกีย ที่สนาม ราชมังคลากีฬาสถาน เวลา 19.30 น.

ช้างศึกเกมแรกเอาชนะจุดโทษ กาบอง 4-2 หลังจากเสมอใน 90 นาที 0-0 เกมนี้ไร้ปัญหาการจัดทัพโดยส่ง 4 นักเตะที่ค้าแข้งในต่างประเทศลงสนามครบครัน นำโดย กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ , ธีรศิลป์ แดงดา , ธีราทร บุญมาทัน และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ส่วน มงคล ทศไกร สลัดอาการบาดเจ็บฟิตกลับมาลงสนามต่อเนื่อง

ส่วน สโลวาเกีย เกมแรกเอาชนะ ยูเออี 2-1 เกมนี้มีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นจากเกมนัดแรกอยู่หลายตำแหน่ง ผู้รักษาประตูเป็น มิชาล ซุลลา ขณะที่คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟเป็น มาร์ติน สเคอร์เทล ยืนคู่กับ ลูโบเมียร์ ซัตก้า โดยดร็อป มิลาน สคริเนียร์ แนวรับจากอินเตอร์ มิลาน ส่วนแผงมิดฟิลด์พัก สตานิสลาฟ โลบอตก้า เช่นเดียวกับ มิชาล ดูริส หัวหอกตัวเก่งของทีม

เริ่มเกมเพียง 3 นาที สโลวาเกีย ได้ทักทายก่อนจากลูกโหม่งของ อดัม เนเมค แต่หลุดออกคานไปนิดเดียว

หลังพยายามตั้งเกมบุกอยู่นาน สโลวาเกีย ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 10 เมื่อ โรเบิร์ต มัค กระชากบอลหนี ฟิลิป โรลเลอร์ เข้ามาในเขตโทษก่อนตวัดย้อนหลังมาให้ ออนเดรจ ดูดา วิ่งมายิงเข้าเสาแรกไม่เหลือ

นาทีที่ 19 สโลวาเกีย ได้ลุ้นประตูที่สองเมื่อ โรเบิร์ต มัค ได้จังหวะกระชากบอลหนี ฟิลิป โรลเลอร์ เข้าไปในเขตโทษอีกครั้งแต่คราวนี้ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ยังออกมาล้มตัวเซฟไว้ทัน

นาทีที่ 23 ไทย ตั้งเกมบุกและได้ลุ้นประตูตีเสมอเมื่อ มงคล ทศไกร หลุดไปทางฝั่งขวาก่อนครอสบอลไปในเขตโทษที่มี ธีรศิลป์ แดงดา รออยู่ แต่ มาร์ติน สเคอร์เทล ยังเคลียร์ออกหลังไว้ทัน

นาทีที่ 30 ไทย เกือบได้ประตูตีเสมอ เมื่อ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กระชากบอลหนีแนวรับสโลวาเกียเข้าไปในเขตโทษก่อนซัดด้วยขวาหลุดออกคานไปนิดเดียว

นาทีที่ 34 สโลวาเกีย ขยับสกอร์เป็น 2-0 เมื่อ เอริค พาซินต้า ดึงหลอกผู้เล่นไทยหน้ากรอบเขตโทษก่อนจ่ายทะลุแผงหลังที่มีทั้ง เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว และ พรรษา เหมวิบูลย์ ไปถึง โรเบิร์ต มัค เข้าไปยิงหนีตัว กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เข้าไป

นาทีที่ 42 ไทย มาได้ประตูตีไข่แตกเมื่อ มิชาล ซุลลา นายด่านทีมเยือนจ่ายบอลพลาดไปติด ธีรศิลป์ แดงดา ในเขตโทษก่อนที่หัวหอกจากซานเฟรชเช ฮิโรชิมา จะตวัดไปให้ จักรพันธ์ แก้วพรม วิ่งยิงด้วยขวาเข้าไปไม่เหลือ ช้างศึก ไล่มา 1-2 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลัง ทีมชาติไทย ทำการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นคนแรกส่ง บดินทร์ ผาลา ลงสนามแทน มงคล ทศไกร

นาทีที่ 51 ไทย หวิดได้ประตูตีเสมอเมื่อ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เก็บตกบอลเคลียร์ในกรอบเขตโทษแต่งบอลหนึ่งจังหวะแล้วซัดด้วยขวาบอลพุ่งตรงกรอบแต่ มิชาล ซุลลา ยังพุ่งปัดไว้ทันก่อนจะถูกเคลียร์ออกหลังไป

นาทีที่ 68 สโลวาเกีย ตั้งเกมสวนกลับเร็วแล้วมาได้ประตูนำห่างเป็น 3-1 จากจังหวะที่ ออนเดรจ ดูดา แต่งบอลให้ เอริค พาซินต้า ได้ปั่นด้วยซ้ายโค้งเสียบมุมสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างสวยงาม

นาทีที่ 69 ไทย ได้ลุ้นประตูตีตื้นเมื่อ มิชาล ซุลลา ออกบอลช้าผู้ตัดสินเป่าให้เป็นลูกฟรีคิกสองจังหวะหน้าเขตโทษแต่ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ซัดติดกำแพง

และ ไทย มาได้ประตูไล่มาเป็น 2-3 จนได้ ในนาทีที่ 79 เมื่อ นูรูล ศรียานเก็ม เปิดลูกฟรีคิกทางฝั่งขวาบอลทะลักมาทางเสาสองและเป็น พรรษา เหมวิบูลย์ หลุดตัวประกบยิงเข้าไปไม่เหลือ

เวลาที่เหลือไม่มีสกอร์เพิ่มเติม และเป็น ทีมชาติสโลวาเกีย เอาชนะ ทีมชาติไทย ไปได้ 3-2 คว้าแชมป์คิงส์คัพ ครั้งที่ 46 ไปครองอีกทั้งยังเป็นแชมป์สมัยที่สองหลังเคยคว้ามาได้ในปี 2004

รายชื่อ11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

ทีมชาติไทย : กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ (GK) , พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา (สิโรจน์ ฉัตรทอง น.75), ธีราทร บุญมาทัน , เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว , พรรษา เหมวิบูลย์ , จักรพันธ์ แก้วพรม (นูรูล ศรียานเก็ม น.63) ,ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ , ธีรศิลป์ แดงดา , มงคล ทศไกร (บดินทร์ ผาลา น.45), ฟิลิป โรลเลอร์ , ชนาธิป สรงกระสินธ์

ทีมชาติสโลวาเกีย : มิชาล ซุลลา (GK) , มาร์ติน สเคอร์เทล (มิลาน สคริเนียร์ น.72), บอริส เซคูลิช , ยาน เกรกุส , ออนเดรจ ดูดา , อดัม เนเมค , โรเบิร์ต มาซาน , เอริก ซาโบ (สตานิสลาฟ โลบอตก้า น.60) , ลูโบเมียร์ ซัตก้า , โรเบิร์ต มัค (โรเบิร์ต รุชนัค น.80), เอริค พาซินต้า

ภาพ / ชัยวัฒน์ สนไธสง

 

ใส่ความเห็น