จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมสูบน้ำจากบ่อหินเก่าของเอกชน เติมอ่างเก็บน้ำเพื่อผลิตน้ำประปา แก้ไขปัญหาเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤต

จ.บุรีรัมย์ พร้อมสูบน้ำจากบ่อหินเก่าของเอกชน ไปเติมอ่างเก็บน้ำเพื่อผลิตน้ำประปา หากปริมาณน้ำในอ่างห้วยจระเข้มากต่ำกว่า 8 แสนลูกบาศก์เมตรพร้อมเดินเครื่องทันที

วันนี้(16 ส.ค. 62) นายกฤษฎา แก้วสองเมือง รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย นายเทิดพงศ์ ไทยอุดม ผู้อำนวยการโครงการชลประทานบุรีรัมย์ นายนพรัตน์ พงศ์กิตติโชติ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์ นายวิชัย นพสุวรรณวงศ์ ผู้บริหาร บริษัท อึ้งทงกี่ จำกัด นางสาวพิมลรัตน์ ฉันทไกรวัฒน์ ผู้บริหาร หจก.หินบุรีรัมย์ หัวหน้าส่วนราชการ และกำลังพลจากมณฑลทหารบกที่ 26 ร่วมทดสอบสูบน้ำเพื่อเป็นปฐมฤกษ์ จากบ่อหินเก่า ไปเติมอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก เพื่อเป็นน้ำดิบสำรองในการผลิตน้ำประปา แก้ไขการขาดน้ำเพื่อการอุปโภคในพื้นที่อำเภอเมืองบุรีรัมย์ หากปริมาณน้ำดิบในอ่างเก็บน้ำลดต่ำกว่า 8 แสนลูกบาศก์เมตร

นายกฤษฎา แก้วสองเมือง รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับผลกระทบจากฝนทิ้งช่วงต่อเนื่องมานาน ทำให้อ่างเก็บห้วยตลาด และอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก แห้งขอดไม่เพียงพอสำหรับในการผลิตน้ำประปา และพื้นที่เพาะปลูกได้รับผลกระทบไปด้วย ซึ่งจังหวัดบุรีรัมย์ได้บูรณาการหลายภาคส่วนร่วมแก้ไขปัญหาเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤต

โดยการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำลำปลายมาศ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา กว่า 140 กิโลเมตร เข้าไปเติมอ่าง แต่ก็ยังไม่เพียงมีน้ำดิบใช้น้ำได้เพียง 10 เดือน ต่อมาได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนได้แก่ บริษัทอึ้งทงกี่ จำกับ /หจก. หินบุรีรัมย์ และบริษัทบุรีรัมย์รัชดา จำกัด ให้สูบน้ำจากบ่อหินเก่าที่เลิกกิจการไปเติมอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก เพื่อเป็นน้ำดิบสำรองเพื่อให้สามารถผลิตน้ำประปาต่อไปได้อีก หากไม่มีฝนตกมาในพื้นที่ หรือกรณี ที่น้ำดิบในอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาและอ่างเก็บน้ำห้วยตลาดรวมกันแล้วมีปริมาณต่ำกว่า 8 แสนลูกบาศก์เมตร จะทำให้มีน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปาต่อไปได้อีก จนถึงเดือน ตุลาคม 62 นี้ หากยังไม่เพียงพอ การประปาส่วนภูมิภาคจะติดตั้งระบบการผลิตน้ำประปาเคลื่อนที่ป้อนเข้าสู่ระบบ โดยใช้น้ำจากบ่อหินของบริษัทหินเพชร จำกัด และบริษัท นิสิทธิ์สวัสดิ์จำกัด ซึ่งคาดว่าจะทำให้เมืองบุรีรัมย์สามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้

ขอบคุณ : ส. ปชส .บุรีรัมย์

ใส่ความเห็น